|
|
เมื่อเราออกรถใหม่ป้ายแดง สิ่งที่มักจะตรวจสอบกันก็คือ ยางอะไหล่(ที่รถบางคันเปลี่ยนเป็นชุดปะยางฉุกเฉิน) แม่แรง และเครื่องมือประจำรถที่ผู้ผลิตให้มา ซึ่งหลายคนเชื่อว่านั่นเพียงพอแล้วสำหรับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน แต่ในความเป็นจริง สถานการณ์ฉุกเฉินบนท้องถนนนั้นซับซ้อนกว่าแค่การเปลี่ยนยาง และอุปกรณ์พื้นฐานที่ติดมากับรถอาจไม่สามารถช่วยคุณได้เสมอไป
วันนี้ Sanook Auto จะมาแนะนำ 10 ไอเทมที่ควรมีติดรถไว้ “เผื่อฉุกเฉิน“ ซึ่งเป็นของที่ผู้ผลิตส่วนใหญ่ไม่ได้ให้มา แต่เชื่อเถอะว่าเมื่อถึงเวลาคับขัน
10 ไอเทมช่วยชีวิตคุณได้ แต่ผู้ผลิตรถไม่ให้มา
1. เครื่องปั๊มลมไฟฟ้าพกพา
ปัญหายางรั่วซึมไม่ได้หมายความว่ายางจะแบนทันทีเสมอไป บ่อยครั้งที่เป็นการซึมช้าๆ การมีเครื่องปั๊มลมไฟฟ้าที่เสียบกับที่จุดบุหรี่ได้ จะช่วยให้คุณเติมลมยางที่อ่อนให้แข็งพอที่จะขับประคองไปถึงร้านปะยางที่ใกล้ที่สุดได้ ดีกว่าการต้องลงแรงเปลี่ยนยางอะไหล่ข้างทางที่ทั้งร้อนและอันตราย Pro-Tip: เลือกรุ่นที่มีหน้าจอดิจิทัลและสามารถตั้งค่าแรงดันลมที่ต้องการได้ เพื่อความแม่นยำและสะดวกสบาย
2. ชุดจั๊มสตาร์ทพกพา (Jump Starter Power Bank)
“แบตหมด“ คือฝันร้ายอันดับต้นๆ ของคนใช้รถ การพึ่งพาสายพ่วงแบตเตอรี่แบบเก่าต้องรอรถคันอื่นมาช่วย แต่ Jump Starter สมัยใหม่คือ Power Bank ขนาดใหญ่ที่สามารถกระตุ้นแบตเตอรี่ให้คุณสตาร์ทรถได้ด้วยตัวเองภายในไม่กี่นาที ไม่ต้องง้อใคร แถมส่วนใหญ่ยังใช้ชาร์จสมาร์ทโฟนหรือโน้ตบุ๊กได้อีกด้วย Pro-Tip: ชาร์จไฟ Jump Starter ของคุณให้เต็มทุกๆ 3-4 เดือน เพื่อให้พร้อมใช้งานเสมอ
3. ค้อนทุบกระจกและใบมีดตัดเข็มขัดนิรภัย (Emergency Hammer & Seatbelt Cutter)
ไอเทมชิ้นเล็กๆ ที่อาจช่วยชีวิตคุณได้ในสถานการณ์วิกฤต เช่น รถตกน้ำ หรือเกิดอุบัติเหตุจนประตูและระบบไฟฟ้าไม่ทำงาน ทำให้ปลดล็อกเข็มขัดหรือเปิดประตูไม่ได้ อุปกรณ์ชิ้นนี้จะช่วยให้คุณทุบกระจกและตัดสายเข็มขัดเพื่อเอาตัวรอดออกมาได้ Pro-Tip: ควรเก็บไว้ในจุดที่หยิบใช้ง่ายที่สุดจากตำแหน่งคนขับ เช่น คอนโซลกลาง หรือช่องเก็บของข้างประตู
4. ไฟฉาย LED (LED Flashlight)
เหตุฉุกเฉินไม่ได้เกิดแค่ตอนกลางวัน การต้องเปลี่ยนยาง, ตรวจเช็คห้องเครื่อง หรือหาสิ่งของในที่มืดโดยใช้แสงจากมือถือเป็นเรื่องที่ลำบากและไม่ปลอดภัย ไฟฉาย LED ดีๆ สักอันที่ให้ความสว่างสูงและใช้งานได้นานจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ Pro-Tip: เลือกไฟฉายแบบคาดศีรษะ (Headlamp) จะยิ่งสะดวก เพราะจะทำให้คุณมีมือว่างทั้งสองข้างในการทำงาน
5. ชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้น (First-Aid Kit)
อุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ สามารถเกิดขึ้นได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นมีดบาด, แผลถลอก หรือการบาดเจ็บเล็กน้อยขณะซ่อมรถ การมีชุดปฐมพยาบาลที่มียาฆ่าเชื้อ, พลาสเตอร์, ผ้าพันแผล จะช่วยจัดการกับสถานการณ์เฉพาะหน้าได้ก่อนไปถึงมือหมอ Pro-Tip: ตรวจสอบวันหมดอายุของยาและอุปกรณ์ในชุดอย่างน้อยปีละครั้ง
6. ป้ายสามเหลี่ยมสะท้อนแสง หรือ ไฟฉุกเฉิน LED (Warning Triangle / LED Flare)
เมื่อรถของคุณเสียจอดอยู่ข้างทาง โดยเฉพาะในเวลากลางคืนหรือในจุดอับสายตา การเปิดไฟฉุกเฉินอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ป้ายสามเหลี่ยมสะท้อนแสงที่วางห่างจากท้ายรถ 50-100 เมตร จะช่วยเตือนให้รถคันอื่นเห็นคุณได้จากระยะไกลและเพิ่มความปลอดภัยได้อย่างมหาศาล
7. ถังดับเพลิงขนาดเล็กสำหรับรถยนต์ (Car Fire Extinguisher)
ปัญหาไฟไหม้ห้องเครื่องสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ การมีถังดับเพลิงเคมีแห้งขนาดเล็กสำหรับรถยนต์ติดไว้ จะช่วยให้คุณสามารถควบคุมไฟที่ลุกไหม้ในระยะเริ่มต้นได้ทันที ป้องกันไม่ให้ลุกลามจนเกิดความเสียหายทั้งหมด
8. เกจวัดลมยาง (Tire Pressure Gauge)
แม้เครื่องปั๊มลมไฟฟ้าจะมีเกจในตัว แต่การมีเกจวัดลมยางแยกต่างหากจะให้ความแม่นยำกว่าและใช้งานง่ายกว่ามาก คุณสามารถใช้เช็กลมยางเป็นประจำได้อย่างน้อยเดือนละครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าแรงดันลมอยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งส่งผลต่อความปลอดภัยและอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง
9. สายลากจูง (Tow Rope / Strap)
ในสถานการณ์ที่รถของคุณไปต่อไม่ไหวจริงๆ หรือติดหล่มในจุดที่รถยกเข้าไม่ถึง การมีสายลากจูงคุณภาพดีติดไว้ อาจช่วยให้คุณสามารถขอความช่วยเหลือจากรถคันอื่นที่ผ่านไปมาเพื่อลากรถของคุณไปยังจุดที่ปลอดภัยได้
10. ถุงมือ, เทปพันสายไฟ/เทปผ้า, และ เคเบิ้ลไทร์
ชุดคอมโบสามอย่างนี้คือผู้ช่วยสารพัดนึก
- ถุงมือ: ช่วยป้องกันความสกปรกและอันตรายขณะซ่อมแซม
- เทปพันสายไฟ/เทปผ้า: ใช้สำหรับยึดชิ้นส่วนที่หลุดหรือแตกหักชั่วคราว เช่น ท่อยาง, กันชน
- เคเบิ้ลไทร์: เป็นสิ่งที่มหัศจรรย์มากในการยึดชิ้นส่วนต่างๆ ที่หลุดห้อยให้เข้าที่ได้อย่างรวดเร็ว
การลงทุนกับอุปกรณ์เหล่านี้อาจดูเหมือนเป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม แต่เมื่อเทียบกับความปลอดภัยและความอุ่นใจที่ได้รับแล้ว ถือว่าคุ้มค่าอย่างยิ่ง ลองสำรวจรถของคุณดูว่ายังขาดเหลืออะไร และค่อยๆ ทยอยหามาติดรถไว้ ขับขี่อย่างอุ่นใจ...เพราะคุณเตรียมพร้อมเสมอ! |
|